วิธีสอนภาษาแบบบูรณาการภาษาและเนื้อหา (Content and Language Integrated Learning: CLIL)

วิธีสอนภาษาแบบบูรณาการภาษาและเนื้อหา 
(Content and Language Integrated Learning: CLIL)
วิธีสอนภาษาแบบบูรณาการภาษาและเนื้อหามีพื้นฐานแนวคิดมาจากการศึกษาสองภาษา (Bilingual education) เป็นกระบวนการจัดการศึกษาที่ใช้สองภาษาเป็นสื่อในการจัดการเรียนรู้ในห้องเรียน (Mcgroarty. 1998) ลักษณะของโปรแกรมจึงนิยมแยกออกเป็นโปรแกรมระดับประถมศึกษา มัธยมศึกษาและหลังมัธยมศึกษา ดังนี้
1.1  โปรแกรมสองภาษาระดับประถมศึกษา แบ่งได้ 3 ลักษณะ ดังนี้
          1.1.1 โปรแกรมเปลี่ยนผ่าน (early-exit or transitional bilingual education program) ความมุ่งหมายของโปรแกรมเพื่อให้ผู้เรียนใช้ทั้งสองภาษาคือ ภาษาที่หนึ่งและภาษาใหม่ (ภาษาที่สอง) ในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ระยะเวลาของโปรแกรมประมาณ 1-3 ปี โดยเริ่มที่ระดับอนุบาลจนถึงเกรด 1
1.1.2 โปรแกรมระดับพัฒนา (late-exit or maintenance or develop mental bilingual program) เป้าหมายของโปรแกรม เพื่อให้ความรู้ด้านเนื้อหาวิชาต่างๆทั้งภาษาที่หนึ่งและภาษาที่สอง ลักษณะเด่นของโปรแกรมคือการยังคงไว้ของการเรียนภาษาที่หนึ่ง
1.1.3 โปรแกรมการเรียนภาษาที่สองเหมือนภาษาที่หนึ่ง เรียกว่า “immersion program โปรแกรมนี้เริ่มครั้งแรกที่แคนาดา เป็นการเรียนสองภาษา ภาษาที่หนึ่งคือ ภาษาของตัวเอง และภาษาที่สองคือ ภาษาของกลุ่มใหญ่หรือภาษาของชนกลุ่มน้อยในประเทศนั้น
          1.2 โปรแกรมสองภาษาระดับมัธยมศึกษา
ลักษณะของโปรแกรมสองภาษาในระดับมัธยมขึ้นอยู่กับแต่ละโรงเรียน แต่มีจุดร่วมกันคือการเรียนในระดับนี้เน้นการสอนเนื้อหาวิชามากขึ้น
1.3 โปรแกรมสองภาษาระดับหลังมัธยมศึกษา
          โปรแกรมนี้จัดให้กับผู้เรียนที่พ้นเกณฑ์การศึกษาภาคบังคับ ซึ่งมีความหลากหลายมากกว่าระดับมัธยม
ปัจจัยสำคัญในการจัดโปรแกรมการศึกษาสองภาษาคือผู้สอนต้องมีความรู้ความสามารถอย่างน้อย 1 ภาษา และมีความสามารถในการจัดกิจกรรมเพื่อให้ผู้เรียนได้มีความรู้ในด้านเนื้อหาวิชา
2. ความเป็นมา
คำว่า “การบูรณาการและเนื้อหา” ถูกนิยามขึ้นในปี ค.ศ. 1994 โดยมหาวิทยาลัย Jyvaskyla ในประเทศเนเธอแลนด์ เพื่ออธิบายวิธีการเรียนวิชาใดวิชาหนึ่งโดยการใช้ภาษาต่างประเทศเป็นสื่อ เพื่อจุดมุ่งหมายสองประการคือ เรียนรู้เนื้อหาและในขณะเดียวกันก็เรียนรู้ภาษาต่างประเทศไปด้วย
มาร์ช (Marsh. 2003 : Web Site) กล่าวถึงความเป็นมาของวิธีการสอนภาษาแบบบูรณาการภาษาและเนื้อหาไว้ว่า ประมาณ ค.ศ. 1950 การเรียนการสอนภาษาต่างประเทศส่วนมากใช้วิธีการสอนแบบไวยากรณ์และแปล ต่อมาในปี 1960 การเรียนการสอนยึดพื้นฐานของจิตวิทยาการเรียนรู้ และในปี 1970 มีบางสถาบันได้เริ่มใช้ภาษาต่างประเทศเป็นสื่อการเรียนเนื้อวิชาอื่นแทนที่จะสอนภาษาเพื่อการสื่อสารอย่างเดียว 
3. ความหมาย
“การเรียนรู้แบบบูรณาการภาษาและเนื้อหา เป็นการเรียนรู้ที่เปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้ใช้ภาษาอื่นๆที่ไม่ใช่ภาษาตัวเองได้อย่างเป็นธรรมชาติ จนรู้สึกว่าตนเองไม่ได้เรียนภาษาแต่กำลังใช้ภาษาในการแสวงหาความรู้ในเรื่องที่กำลังเรียน ซึ่งการเรียนรู้แบบบูรณาการภาษาและเนื้อหาสามารถจัดในชั่วโมงเรียนวิชาใดวิชาหนึ่งโดยมีจุดมุ่งหมายสองอย่างคือ พัฒนาภาษาและเนื้อหาวิชานั้นๆ ซึ่งบางครั้งเรียกวิธีการสอนแบบนี้ว่าการศึกษาที่เน้นสองทาง (dual-focused education)” (Marsh.2003 : Web Site)
การเรียนรู้แบบบูรณาการภาษาและเนื้อหา หมายถึง การศึกษาสองภาษาหรือหลายภาษา (bilingual or multilingual education) การเรียนรู้แบบบูรณาการเนื้อหาและภาษามีความหมายกว้างขวางครอบคลุมไปถึงวิธีการสอนภาษาที่เน้นเนื้อหา (content-based instruction - CBI) และ immersion program ที่ใช้ภาษาต่างประเทศในการสอนเนื้อหาวิชาต่างๆ(Coonan. 2003 : Web Site)
4. เป้าหมาย
The National Centre for Languages (n.d. : Web Site) กล่าวถึงจุดประสงค์ของการจัดกิจกรรมตามวิธีการสอนภาษาแบบบูรณาการเนื้อหาและภาษาต้องการให้ผู้เรียนบรรลุจุดประสงค์ 4 ประการ ดังนี้
1.เนื้อหา (content) หมายถึง ความก้าวหน้าทางด้านความรู้ ทักษะและความเข้าใจวิชาใดวิชาหนึ่งที่กำหนดไว้ในหลักสูตร
2.การสื่อสาร (communication) ภาษาที่ผู้สอนใช้ในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ภาษา
3.ความรู้ (cognitive) ความเข้าใจในเนื้อหาและภาษา
4.วัฒนธรรม (culture) การเรียนรู้ความคิดเห็นและความรู้ที่หลากหลายอันจะนำไปสู่ความเข้าใจตนเองและผู้อื่น
5. ผู้สอน
ผู้สอนอาจเป็นนักภาษาศาสตร์ที่ไม่ใช่เจ้าของภาษาและไม่มีความเชี่ยวชาญด้านเนื้อหา หรืออาจเป็นครูที่เป็นเจ้าของภาษาที่มีความเชี่ยวชาญด้านเนื้อหาสามารถสอนคนเดียวและสอนเป็นทีมแล้วแต่ความเหมาะสม วิชาที่บูรณาการกับภาษาซึ่งอาจไม่มีผู้สอนที่มีคุณสมบัติดังกล่าว การแก้ปัญหาอาจทำได้ ดังนี้
5.1 การสอนเป็นทีม (team teaching) ทำได้โดยในหนึ่งรายวิชาใช้ครูผู้สอน 2 คน คือ ครูสอนภาษา (language teacher) และครูสอนเนื้อหา (content teacher) โดยแบ่งหน้าที่กันชัดเจน
5.2 การสอนโดยครูสอนภาษาที่สอง การแก้ปัญหาวิธีนี้ทำได้โดยการเตรียมครูที่สอนภาษาที่สอง โดยให้ครูที่จะสอนลงทะเบียนเรียนวิธีสอนแบบบูรณาการภาษาและเนื้อหา และเนื้อหาวิชาที่จะสอนเพิ่มเติม
6. การจัดกิจกรรมการเรียนรู้
โมฮัน (Mohan. 1986) กล่าวว่า วิธีการสอนแบบบูรณาการภาษาและเนื้อหาเป็นที่นิยมโดยเฉพาะประเทศที่เรียนภาษาอังกฤษเป็นภาษาต่างประเทศ เพราะเปิดโอกาสให้โรงเรียนได้เชื่อมโยงภาษาต่างประเทศที่เรียนกับวิชาต่างๆ ทำให้ผู้เรียนได้เรียนภาษาและเนื้อหาวิชาไปพร้อมๆกัน
6.1 ขั้นตอนวางแผนการสอน
สิ่งทีสำคัญเมื่อจัดทำแผนการสอนคือ ต้องคำนึงถึงความต้องการ ระดับความรู้ และพัฒนาการด้านการเรียนรู้ของผู้เรียน
6.1.1 การศึกษาบรรยากาศของห้องเรียนที่ใช้หลักสูตรปกติ
6.1.2 วางแผนบูรณาการเนื้อหาวิชาที่ผู้สอนและผู้เรียนสนใจนำมาทดลองแล้วทำการวิจัยเพื่อดูผลการปฏิบัติ
6.1.3 ออกแบบกิจกรรมที่ผู้เรียนสนใจ
6.2 วิธีจัดกิจกรรม
แครนดอล (Crandall. 1994 : Web Site) ผู้สอนสามารถใช้กลวิธีและเทคนิคที่หลากลายในการจัดกิจกรรม ในที่นี้จะกล่าวถึง 4 กลวิธี ดังนี้
6.2.1 การเรียนแบบกลุ่มร่วมมือ (cooperative learning/grouping strategy) เน้นความร่วมมือในกลุ่ม ผู้เรียนแต่ละคนในกลุ่มทำงานแตกต่างกันขึ้นอยู่กับความสามารถทางภาษา
6.2.2 การเรียนรู้โดยให้งานหรือการปฏิบัติทดลอง (task-based or experimental learning) จัดสิ่งแวดล้อมให้ผู้เรียนได้มีโอกาสพัฒนาทักษะการคิดควบคู่ไปกับการพัฒนาทักษะภาษาและวิชาการ
6.2.3 มหภาษา (whole language) เน้นการใช้ภาษาที่มีความหมายและใช้ภาษาในสภาพจริง (authentic language) และทั้งการสอนเนื้อหาวิชาและภาษาต่างมุ่งพัฒนาทั้ง 4 ทักษะ กลวิธีนี้นิยมใช้กิจกรรมการเขียนอนุทินโต้ตอบ (dialogue journal)
7. ข้อดี
การสอนแบบบูรณาการภาษาและเนื้อหาค่อนข้างยากสำหรับผู้เรียนในระยะแรกแต่เมื่อผู้เรียนคุ้นเคยแล้วก็จะสามารถเรียนรู้เนื้อหาและภาษาได้รวดเร็วกว่าการใช้กิจกรรมการเรียนรู้ตามปกติ นอกจากนี้ยังเชื่อมโยงกับวิชาต่างๆในหลักสูตรโดยผู้สอนใช้สื่อจริง (authentic material) ผู้เรียนมีความเชื่อมั่นในตนเองเพิ่มขึ้นและเพิ่มความสามารถของผู้เยนมนการถ่ายโอนระหว่างภาษาต่างประเทศและวิชาอื่นๆ
8. ข้อเสนอแนะ

วิธีการสอนแบบบูรณาการภาษาและเนื้อหา มุ่งเน้นด้านเนื้อหาวิชาเป็นหลักแต่ไม่ใช่การยึดตำราเรียนและการเรียนรู้ศัพท์ในตำราเล่มใดเล่มหนึ่ง การจัดกิจกรรมการเรียนมุ่งเน้นให้ผู้เรียนได้เรียนเนื้อหาวิชาจากสื่อจริงโดยไม่ดัดแปลงตำราเรียนแต่อย่างใด แต่ทั้งนี้ต้องคำนึงระดับความสามารถของผู้เรียนเป็นหลักในการเลือกบทเรียนและสื่อการเรียนรู้ต่างๆจึงต้องเลือกให้เหมาะสมกับความสามารถของผู้เรียน นอกจากนั้นยังต้องคำนึงถึงความต้องการของผู้เรียนอีกด้วย

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

การจัดการเรียนรู้เพื่อพัฒนาทักษะการฟังภาษาอังกฤษ (Listening Skill)

การจัดการเรียนรู้เพื่อพัฒนาทักษะการเขียนภาษาอังกฤษ (Writing Skill)

การจัดการเรียนรู้ภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารตามรูปแบบ PPP (การจัดกิจกรรมการเรียนการสอนตามแนวธรรมชาติ)